วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Given That

คำว่า given ดูจากรูปแล้วเหมือนจะเป็น Past Participle (คนที่ยังไม่เคยเรียน อย่าเพิ่งงงนะครับ มันก็คือกริยาช่อง 3 นั่นเอง

แต่ในที่นี้ given ยังสามารถเป็น Proposition ได้อีกด้วย
และถ้าเราเติม that ไว้ข้างหลัง given -->> given that
มันจะทำหน้าที่เป็น conjunction คอยเชื่อมประโยค

ทั้งสองตัวนี้ given, given that จะแปลว่า
in view of  : เนื่องจาก, เพราะว่า ในแง่มุมของ
หรือ เมื่อเรา take something into consideration
(พิจารณาถึงเรื่อง...) แต่แปลเป็นไทยยาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับบริบท

ขอยกตัวอย่างว่า Given that ดังนี้

This Report examined the appropriateness of the law of insurance contracts, given that it was a mixture of common law principles.

ประโยคนี้จะแปลประมาณว่า รายงานฉบับนี้ได้ตรวจสอบความเหมาะสมของกฎหมายว่าด้วยสัญญาประกันภัย ด้วยเหตุว่า (เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า) กฎหมายดังกล่าว (it) เป็นกฎหมายที่ผสมผสานหลักกฎหมายคอมมอนลอว์ต่างๆ เข้ามาด้วย

Given that ไม่ได้ตามด้วยเงื่อนไขที่ต้องทำให้สำเร็จเหมือน provided that หรือ on the condition that แต่ตามด้วยข้อมูลที่เป็นพื้นฐานหรือปัจจัยในการพิจารณามากกว่า

Given what she knew about the news, how could she lost a lot of fortune in such investment.
เมื่อพิจารณาดูว่าเธอก็ล่วงรู้เกี่ยวกับข่าวนั้นแล้ว ทำไมเธอถึงสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับการลงทุนนั้นเล่า

We say that the probability of A is conditional on C, and the probability of A given knowledge that the event C has occurred is referred to as the conditional probability of A given C.

เรากล่าวว่าความน่าจะเป็นของ A ขึ้นอยู่กับ C
และเรียกความน่าจะเป็นของ A อันเนื่องจากการรู้ว่าเหตุการ C ที่ได้เกิดขึ้นว่า "ความน่าจะเป็นแบบเงื่อนไขของ A อันเนื่องจาก C"


วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

การหาสถานศึกษาของลูกที่จะไปเรียนที่ UK จากคุณแยม

อ.เสก แยกดูร.ร.ไว้ตั้งแต่เมืองไทยค่ะ แต่ตอนนั้นดูของเอกชนไว้ ร.ร.ที่นี่มีสามเทอมค่ะ ต้น ก.ย. ถึงกลาง ธ.ค. ต้น ม.ค.ถึงต้น เม.ย. กลางๆ เม.ย.ถึงกลาง ก.ค.ค่ะ และจะมีหยุดกลางเทอมแต่ละเทอม ครั้งละประมาณหนึ่งสัปดาห์ ถ้าเป็นเนอริ์สเซอรี่ของรัฐก็จะหยุดเหมือนกัน แต่ละ ร.ร.อาจวันเหลื่อมกันบ้างค่ะ จริงๆ แล้วเค้าจะให้เด็กลงทะเบียนเข้าเรียนช่วง ก.ย.ของทุกปี เช่นจะเรียน ก.ย.ปีนี้ ก็ลงทะเบียนกันตั้งแต่ก.ย.ปีที่แล้วค่ะ ถ้าเราลงไม่ทันเขาก็หา ร.ร.ให้แต่มันอาจจะไม่ได้ดังที่เราต้องการค่ะ

ตอนแยมมาผิดแผนไปพอสมควร เพราะบ้านและ ร.ร.ที่เราคิดว่าจะลงทะเบียนต้องเปลี่ยน เพราะมหาลัยดันเปลี่ยนแคมปัสที่เราต้องไปเรียนภาษา แล้วแยมเพิ่งได้รับเมลวันที่มาถึงลอนดอนวันแรกเลย เวรกรรมจริงๆ ดังนั้นต้องหาใหม่หมดค่ะ ส่วน ร.ร.เอกชนในมหาลัยที่จองไว้ดันเต็มแต่เขาไม่ได้บอกเรา เขาบอกแต่ว่าถ้าคุณมาถึงมีที่อยู่แน่นอนในนี้แล้วให้มาติดต่อ เราก็นึกว่าเหมือน ร.ร.สาธิตบ้านเราเนาะ ว่ามาแล้วจะกันที่ให้ลูกเรา ก็ต้องไปเดินหา ร.ร.กันขาขวิด เครียดมาก เพราะมาถึงวันอังคาร วันพุธ หาบ้านได้วันพฤหัส เข้าบ้านวันศุกร์ ตั้งแต่พุธถึงศุกร์ก็เดินหาเพราะวันจันทร์ต่อไปทั้งสองคนก็ต้องเริ่มเรียนภาษาแล้ว สุดท้ายได้ ร.ร.ตอนวันอังคารถัดไปค่ะ เรียกว่าฟลุ๊คมาก แต่แพงมากเช่นกันวันละ 40 ปอนด์ ถ้าจ่ายเป็นเดือนมันลดเหลือวันละ 38.5 ปอนด์ ราคาก็ราวๆ เดือนละ 500-800 ปอนด์ค่ะ แล้วแต่คุณภาพ

ส่วนหลักฐานการเข้าเรียน ใช้ approved address อะไรก็ได้ เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ สัญญาเช่าบ้าน. ใบเกิดเด็ก. วีซ่า. พาสปอร์ต. แล้วเค้าก็จะถามถึง GP ของเด็กที่เราลงทะเบียนกับ NHS ซึ่งตอนนั้นแยมอยู่ในระหว่างลงทะเบียนยังไม่ได้ชื่อแพทย์ก็เอาไปส่งเขาทีหลัง แถมหลักฐานที่อยู่ก็ไม่มีเพราะตอนนั้นเช่าแบบชั่วคราวเป็นบ้านแชร์ คืออยู่ไปก่อนว่างั้นเถอะ เลยต้องไปเอาใบรับรองจากมหาลัยว่าเป็นนักเรียนได้รับการยกเว้นค่า council tax แล้วหนูก็ไปขอ statement จากสนร.ลอนดอนมา ซึ่งเขาก็งงงว่ามันใช้ได้ด้วยเหรอเพราะไม่มีใครมาขอเลย รองครูใหญ่คนที่สัมภาษณ์ก็บ่นนิดหน่อยเรื่องหลักฐาน แต่ก็ได้เข้าเรียนในที่สุดค่ะ เฮ้อ ส่วนค่าเรียนฟรี ค่าอาหารกลางวันฟรี (เฉพาะเขตหนูนะคะ Newham ค่ะ เขตอื่นต้องจ่ายวันละประมาณปอนด์กว่าถึงห้าปอนด์ราวๆ นั้นแล้วแต่เขตค่ะ) และไปซื้อชุดนักเรียนเองที่ร้าน

อ่อ ข้ามไปนิดนึง ตอนจะลงทะเบียนก็ให้เอาหลักฐานที่อยู่ แยมใช้ใบเสร็จค่าเช่าบ้าน ไปลงทะเบียนที่สนง.เขต ที่เค้ารับผิดชอบเกีี่ยวกับเรื่องเด็กค่ะ แจ้งเขาว่ามาลงทะเบียน ร.ร. เขาก็จะให้เอกสารมากรอก เลือกร.ร.ซึ่งเลือกได้หลายอันดับอยู่เหมือนกันนะคะ แล้วเอาไปส่งคืนเขาหรือส่งทาง ปณ.ก็ได้ แต่ตอนนั้นเอาไปส่งเองกับมือเลยค่ะ กลัวพลาด จากนั้นรอไปเลยค่ะเกือบเดือนเขาก็จะแจ้งว่าเราได้ ร.ร.ไหน สักสัปดาห์ต่อมาทาง ร.ร. จะแจ้งให้ไปสัมภาษณ์ ซึ่งดิฉันก็ซวยนะคะ วันที่เค้านัดดันไปสายครึ่งชม.เพราะอยู่ๆ มันปิดถนนซ่อมแล้วรถเมล์มันอ้อมไปอีกทาง รถก็ติดมาก ก็โทรบอก ร.ร. เขาก็บอกให้พยายามมาให้ถึง ร.ร. ทีนี้มันสายมากค่ะเกือบครึ่งชม.เขาบอกว่าแล้วทางร.ร.จะติดต่อวันนัดไปใหม่ ตอนนั้นเครียดมากเพราะทางมหาลัยแยมก็มีปีญหาจะให้เแยมไปเรียนนอกเวลา ต้องหาที่เรียนใหม่อีกนะ วิ่งหาที่เรียนใหม่วุ่นวายมาก ต้องเข้าไป สนร.ลอนดอนทุกวัน พี่ๆ เค้าก็ช่วยเหลือและให้กำลังใจดีมาก ตอนนั้นจิตตกมากคิดว่าคงไม่มีที่เรียนแล้ว ทั้งลูกและแม่มัน เกือบขอยกเลิกทุนและ withdraw การลงทะเบียนของแฟน แล้วกลับบ้านแม่งเลย เพราะหลังจากพลาดวันนัดนั้น ร.ร.ก็ปิดเทอมอ่ะ ปิดจากต้น ก.ค. มาเปิดต้น ก.ย. ทรมานจิตใจเป็นที่สุด ร.ร.ก็ไม่ติดต่อมาเลย (เพราะเขาปิดเทอมไงคะ) ก็พยายามเดินไปดู ร.ร. ก็ไม่เปิดสักที ไปบ่อยมาก จนกระทั่งวันเปิดเทอมของเด็กโต (เด็กเล็กจะเปิดหลังไปอีกสัปดาห์) อีสองคนไทยพ่อแม่นี่ปรี่ไปถามทันที เค้าเห็นมาบ่อยเลยให้วันนัดมันดีกว่า 5555 ก็นัดสัมภาษณ์อีกวันต่อมา แล้วอีกวันต่อมาก็เปิดเรียนเลย

เล่ายาวนิดนึงนะคะไม่อยากให้เจอสภาพเดียวกันค่ะ ถ้าไง อ.เสก มาก่อนแล้วจัดการให้เรียบร้อย แล้วค่อยให้แฟนกับลูกตามมาก็ได้ค่ะ (ถ้าทำวีซ่า dependent ไว้ได้ก่อนก็จะดีมากนะคะ เพราะพอเรื่องทางนี้เสร็จแล้วเราก็ไปรับหรือให้เขาบินมากันได้เลย) มาแล้วก็คุ้มค่ะเพราะการศึกษาเด็กที่นี่ดีมากๆ ค่ะ ส่วนเด็กก่อน 5 ปีเค้าก็จะมีกลุ่มตามศูนย์การเรียนรู้ใกล้ๆ บ้านค่ะ สิ่งที่แย่ก็คือการรักษาพยาบาลค่ะ คิวยาวมาก แต่สำหรับเด็กตอนที่ไปลงทะเบียนกับ NHS ครั้งแรกเราก็เอาตารางวัคซีนให้เขาดูนะคะ เขาก็ฉีดเพิ่มให้ตัวที่ขาดไปค่ะ น้องเบ๊บฉีดมาค่อนข้างครบเลยโดยเข็มเดียวค่ะ

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชื่อยาของอาการปลายประสาทอักเสป

      เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ป.แพทย์ เนื่องจากมีอาการชาบริเวณหน้าขา และก็มีอาการปวดแสบปวดร้อน และได้หาข้อมูลใน google ก็ได้เห็นข้อมูลว่าเป็นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และนี่ก็คือสาเหตุที่ได้มาพบหมอ
     หมอก็ถามอาการเป็นอย่างไร ก็บอกหมอไปว่ามีอาการชาบริเวณหน้าขาข้างซ้ายและก็ปวดแสบปวดร้อน search หาข้อมูลใน google ได้ความว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หมอก็ตอบมาว่าไม่น่าจะใช่ หมอก็เลยสั่งจ่ายยาให้ไปกินดูก่อน 2 อาทิตย์ว่าอาการจะดีขึ้นหรือเปล่า ซึ่งประกอบไปด้วยยา 7 ตัว

  1. PREDNISOLONE 5 MG     เม็ดเล็กๆ สีชมพู รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น
  2. Vitamin B-1-6-12                 เม็ดสามเหลี่ยมสีชมพู รับประทานครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหารเช้า-เย็น
  3. RANITIDINE 150 MG    ยาลดกรดในกระเพาะ/ยาแก้แพ้ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น
  4. DICLOFENAC SODIUM25 MG ยาเม็ดเล็กสีเหลืองรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหารเย็น Diclofenac Sodium เป็นยาบรรเทาอาการปวดและอักเสบในโรคข้อ กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
  5. AMITRIPTYLINE 10 MG ยาเม็ดเล็กสีฟ้า รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
  6. NORGESIC (L) ประกอบด้วย Paracetamol 500 mg และ ORPHENADRINE CITRATE 35 mg เม็ดกลมใหญ่สีชมพู รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
  7. ยาถูนวด 1 หลอด

หลังจากกินไปได้ 2 อาทิตย์รู้สึกว่าอาการดีขึ้น วันที่ 7 กรกฏาคม 2554 จึงได้มาพบหมอตามนัดหมอจึงสั่งจ่ายยาตัวเดิมให้ไปกินต่ออีก 3 อาทิตย์แต่ลดขนาดครั้งในการกินลงในยาบางตัว แล้วก็นัดมาดูอาการอีกครั้งอีก 3 อาทิตย์
  1. PREDNISOLONE 5 MG                รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า
  2. Vitamin B-1-6-12                             รับประทานครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหารเช้า-เย็น
  3. RANITIDINE 150 MG                    รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น
  4. DICLOFENAC SODIUM25 MG    รับประทานครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหารเย็น
  5. AMITRIPTYLINE 10 MG               รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
  6. NORGESIC (L)                               รับประทานครั้งละ 1 เม็ดก่อนนอน
  7. ยาถูนวด 1 หลอด

คาดว่าอีกสามอาทิตย์อาการน่าจะดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สร้าง Blog ครั้งแรก

วันนี้หัดเขียน Blog เป็นครั้งแรก ยังไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปใน Blog แต่อยากจะบอกว่าลูกสาวของผมวันนี้เริ่มมองเห็นแล้ว หลังจากเกิดมาได้ 7 สัปดาห์ ลูกสาวผมเกิดวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนาย 2553 เวลา 09:13 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา

ผมตั้งชื่อลูกสาวผมว่า "ซีต้า" ที่ต้ั้งชื่อซีต้านี้ก็เพราะว่าผมชอบอักษรกรีก มันมีพลังในตัวมันเอง แล้วก็เป็นต้นกำเนิดของตัวอักษรโบราณ ซีต้าภาษาอังกฤษเขียนว่า Theta แต่คนไทยอ่านออกเสียง Theta ลำบาก เขียนอย่างนี้ Zeta คนไทยจะอ่านออกเสียงง่ายกว่าครับ